เพลงสบายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

โครงงานห้องสาระสังคม บทที่ 5


บทที่ 5
สรุปผลการศึกษา
สรุปผลการศึกษา
              การศึกษาการทำใบโกงกางทอด ถือเป็นการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติ นำมาปรุงแต่งเพื่อประกอบอาหารคาว หวานได้ตามต้องการ และเป็นวัตถุดิบใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ ส่งเสริมการพัฒนากลุ่มอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น
ประโยชน์จากโครงงาน
1.             ได้ศึกษาการทำใบโกงกาง
2.             ได้รับความรู้จากการศึกษาวิจัยการทำใบโกงกางทอด
3.             ได้รู้จักคุณประโยชน์-และโทษของใบโกงกาง
4.             ได้รูจักการแปรรูปใบโกงกาง
5.             ได้ส่งเสริมวัตถุดิบใกล้ตัว ทำให้เกิดอาชีพได้
ข้อเสนอแนะ

        จากการศึกษาโครงงานเรื่อง ใบโกงกางทอด ได้รู้จักการทำใบโกงกางมาแปรรูปเป็นอาหารและช่วยส่งเสริมอาชีพของคนในท้องถิ่นได้

โครงงานห้องสาระสังคม บทที่ 4

บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน

        จากการทำโครงงานเรื่อง โครงงานเรื่อง MANGROVE FOOD หรือ ใบโกงกางทอด ทำให้พวกเราได้ฝึกการทำงานเป็นทีมรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยพวกเราได้จัดทำใบโกงกางทอด ระยะเวลาที่จัดทำโครงงานเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยสามารถทำอาหารจากใบโกงกางได้จริง และสามารถขายได้






โครงงานห้องสาระสังคม บทที่ 3

บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
วิธีการดำเนินการศึกษา
1. คณะผู้จัดทำจัดประชุมเพื่อปรึกษาและวางแผนแล้วนำเค้าโครงของโครงงาน (ตัวอย่างบทคัดย่อ) เสนอครูที่ปรึกษา  เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสม
2.คณะผู้จัดทำได้ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
3.คณะผู้จัดทำได้ประชุมเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้  แล้วจัดสรรข้อมูล  เพื่อเรียงลำดับความสำคัญ  จำแนก และวิเคราะห์ผลการศึกษา
4.คณะผู้จัดทำจึงจัดพิมพ์รูปเล่มโครงงานและสื่อต่างๆ  เพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
5.คณะผู้จัดทำนำเสนอผลการศึกษาโครงงานต่อผู้ชม  เพื่อให้ผู้ชมสอบถามและตอบข้อซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ชม 
การจัดเตรียมวัตถุดิบและวิธีการทำใบโกงกางทอด
วัตถุดิบในการทำใบโกงกางทอด
1. ใบโกงกาง(ใบใหญ่)
 2. น้ำเปล่า
 3. กุ้งสับหรือหมูสับ ปูอัด
4. น้ำมันพืช
 5. แป้งประกอบอาหาร (โกกิ)
 6. น้ำจิ่มไก่
 7. ผงปรุงรสสำเร็จรูป (บาร์บีก้า บาร์บีคิว)
อุปกรณ์ในการทำใบโกงกางทอด
1.กาละมัง
 2. ตะแกง
 3. มีด
 4. กระทะ
 5. หม้อ
 6. ทัพพี
 7. กรรไกร
 8. ตะหลิว
 9. เตาแก๊ส
 10. จาน
 11. เขียง
 12. ถาด
 13. ช้อน ส้อม
 14. ถ้วยโฟม ชามโฟม
 15. หมวก ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน
วิธีการทำใบโกงกางทอด
1.เลือกเอาใบโกงกางใบใหญ่ที่ไม่อ่อน และไม่แก่จนเกินไป หรือใบที่ 3 นับจากยอด
 2.นำมาล้างน้ำแล้วผึ่งให้แห้ง หั่นใบโกงกางออกเป็นสามส่วน
3.นำกุ้งสับ หมูสับ หรือเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ มาทาลงบนใบโกงกางแล้วนำไปชุบแป้ง
4.นำมาทอดในน้ำมันด้วยไฟอ่อนๆ พอเหลืองได้ที่ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
5.ถ้าต้องการรสเพิ่มเติมให้ปรุงรสด้วยผงปรุงรสสำเร็จรูป

6.แต่งจานตามต้องการ

โครงงานห้องสาระสังคม บทที่ 2

บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ความสามัคคี
                 ความสามัคคี หมายถึง ความพร้อมเพรียงกัน ความกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง วิวาทบาดหมางกัน
ความสามัคคี มีด้วยกัน 2 ประการ คือ 1.ความสามัคคีทางกาย ได้แก่ การร่วมแรงร่วมใจกันในการทำงาน 2.ความสามัคคีทางใจ ได้แก่ การร่วมประชุมปรึกษาหารือกันในเมื่อเกิดปัญหาขึ้น
ความสามัคคีดังที่ว่านี้ จะเกิดมีขึ้นได้ ต้องอาศัยเหตุที่เรียกกันว่า สาราณียธรรม ธรรมเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน กระทำซึ่งความเคารพระหว่างกัน อยู่ร่วมกันในสังคมด้วยดี มีความสุข ความสงบ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ทำร้ายทำลายกัน มี 6 ประการ คือ
1.ทำต่อกันด้วยเมตตา คือ แสดงไมตรีและความหวังดีต่อเพื่อนร่วมงาน ร่วมกิจการ ร่วมชุมชน ด้วยการช่วยเหลือธุระต่างๆ โดยเต็มใจ แสดงอาการกิริยาสุภาพ เคารพนับถือกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
2.พูดต่อกันด้วยเมตตา คือ ช่วยบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ สั่งสอนหรือแนะนำตักเตือนกันด้วยความหวังดี กล่าววาจาสุภาพ แสดงความเคารพนับถือกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
3.คิดต่อกันด้วยเมตตา คือ ตั้งจิตปรารถนาดี คิดทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน มองกันในแง่ดี มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน
4.ได้มาแบ่งกันกินใช้ คือ แบ่งปันลาภผลที่ได้มาโดยชอบธรรม แม้เป็นของเล็กน้อย ก็แจกจ่ายให้ได้มีส่วนร่วมใช้สอยบริโภคทั่วกัน
5.ประพฤติให้ดีเหมือนเขา คือ มีความประพฤติสุจริต ดีงาม รักษาระเบียบวินัยของส่วนรวม ไม่ทำตนให้เป็นที่น่ารังเกียจ หรือทำความเสื่อมเสียแก่หมู่คณะ
6.ปรับความเห็นเข้ากันได้ คือ เคารพรับฟังความคิดเห็นกัน มีความเห็นชอบร่วมกัน ตกลงกันได้ในหลักการสำคัญ ยึดถืออุดมคติหลักแห่งความดีงาม หรือจุดหมายอันเดียวกัน
ธรรมทั้ง 6 ประการนี้ เป็นคุณค่าก่อให้เกิดความระลึกถึง ความเคารพนับถือกันและกัน เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์ยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน เพื่อป้องกันความทะเลาะ ความวิวาทแก่งแย่งกัน เพื่อความพร้อมเพรียงร่วมมือ ผนึกกำลังกัน เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

อานิสงส์ของความสามัคคีนี้ ท่านกล่าวไว้ว่า เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความเจริญ เป็นเหตุแห่งความสำเร็จในกิจการงานต่างๆ การงานอันเกินกำลังที่คนๆ เดียวจะทำได้ เช่น การก่อสร้างบ้านเรือน ต้องอาศัยความสามัคคีเป็นที่ตั้ง แมลงปลวกสามารถสร้างจอมปลวกที่ใหญ่โตกว่าตัวหลายเท่าให้สำเร็จได้ ก็อาศัยความสามัคคีกัน เพราะฉะนั้น การรวมใจสามัคคีกันจึงเกิดมีพลัง ส่วนการแตกสามัคคีกันทำให้มีกำลังน้อย
โทษของการแตกสามัคคีกันนั้น ท่านกล่าวไว้ว่า หาความสุข ความเจริญไม่ได้ ไม่มีความสำเร็จด้วยประการทั้งปวง เหตุให้แตกความสามัคคีกันนี้ อาจเกิดจากเหตุเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นได้ เหมือนเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว แต่เป็นเหตุให้เกิดสงครามได้เหมือนกัน ดูตัวอย่างเรื่องพวกเจ้าลิจฉวีในเมืองไพศาลี แคว้นวัชชี มีความสามัคคีกัน พระเจ้าอชาตศัตรูก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พอถูกวัสสการพราหมณ์ยุยงให้แตกสามัคคีกันเท่านั้น ก็เป็นเหตุให้พระเจ้าอชาตศัตรู เข้าโจมตีและยึดเมืองเอาไว้ได้ในที่สุด
ดังนั้น ความสามัคคี ถ้าเกิดมีขึ้นในที่ใด ย่อมทำให้ที่นั้นมีแต่ความสงบสุข ความเจริญ ส่วนความแตกสามัคคี ถ้าเกิดมีโกงกางใบใหญ่ ชื่อสามัญ Red Mangrove, Asiatisk Mangrove,Loop-root Mangrove โกงกางใบใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhizophora mucronata Pole.
Rhizophora mucronata Lam. จัดอยู่ในวงศ์โกงกาง (Rhizophoraceae) เช่นเดียวกันกับโกงกางใบเล็ก และเฉียงพร้านางแอ
โกงกางใบใหญ่ ยังมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นอื่นๆ อีก เช่น กงเกง (นครปฐม), กงกางนอก โกงกางนอก (เพชรบุรี), กงกอน (เพชรบุรี, ชุมพร)ลาน (กระบี่), โกงกางใบใหญ่ (ภาคกลาง), กางเกง พังกา พังกาใบใหญ่ (ภาคใต้) เป็นต้น โดยสามารถขึ้นในที่ใด ย่อมทำให้ที่นั้นประสบแต่ความทุกข์ มีแต่ความเสื่อมเสียโดยประการเดียว
พบได้ตามชายฝั่งทะเลตะวันออกของแอฟริกา ทวีปเอเชีย ภูมิภาคมาเลเซีย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ในหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงหมู่เกาตองกาสำหรับในประเทศไทยจะพบต้นโกงกางใบใหญ่ได้มากตามริมคลอง ริมชายฝั่งทะเลที่มีน้ำเค็มท่วมถึงเป็นระยะเวลานาน โดยจะชอบขึ้นในบริเวณที่เป็นดินเลนปนทราย และมักจะขึ้นอยู่ในบริเวณที่ชิดติดกับแม่น้ำ
ลักษณะของโกงกางใบใหญ่
ต้นโกงกางใบใหญ่ จะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร (บ้างก็ว่าสูงประมาณ 30-40 เมตร) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเหนือคอ ราก เมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง ด้านรับแสงจะมีกิ่งก้านมาก เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลเทา เปลือกต้นค่อนข้างเรียบ หรือแตกเป็นร่องตื้นๆ ส่วนเปลือกในเป็นสีส้ม ในกระพี้เป็นสีเหลืองอ่อน และแก่นเป็นสีน้ำตาล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้ฝักโดยตรง โดยใช้ฝักแก่ที่ยังสมบูรณ์ไม่มีโรคและแมลงเข้ามาทำลาย โดยดูได้จากบริเวณรอยต่อของฝักกับผลจะมีปลอกสีขาวอมเหลืองหุ้มอยู่ ถ้าหากมีขนาดยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และเป็นสีเหลืองแสดงว่าฝักแก่สมบูรณ์แล้ว หรือจะเก็บฝักที่ร่วงหล่นลงน้ำก็ได้ เพราะถ้าฝักแก่สมบูรณ์จะลอยน้ำได้ เมื่อได้ฝักมาแล้วก็ให้นำมาปลูกในทันที เพราะถ้าเก็บไว้นานเท่าไหร่ความสามารถในการงอกก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
สรรพคุณของโกงกาง
ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน (ใช้เปลือกต้มกับน้ำดื่ม)[1]
ช่วยแก้อาการท้องร่วง โดยใช้เปลือกนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้น้ำจากเปลือกนำมากินแก้อาการก็ได้เช่นกัน
ช่วยแก้บิด บิดเรื้อรัง โดยใช้เปลือกนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้น้ำจากเปลือกนำมากินแก้อาการก็ได้เช่นกัน
เปลือกใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาสมาน (เปลือก)
ใช้เปลือกตำแล้วนำมาพอกช่วยห้ามเลือดได้ดี หรือจะใช้ใบอ่อนเคี้ยวหรือตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบาดแผลสดและห้ามเลือดก็ได้เช่นกัน (ใบ,เปลือก)บ้างก็ว่าน้ำจากเปลือกก็ใช้ชะล้าแผลและห้ามเลือดได้เช่นกัน (น้ำจากเปลือก) เปลือกนำมาต้มกับน้ำใช้ชะล้างรักษาบาดแผลเรื้อรัง หรือจะใช้น้ำจากเปลือกก็ได้ (เปลือก,น้ำจากเปลือก)
ประโยชน์ต้นโกงกาง
ไม้โกงกาง มีลักษณะเปลาตรง เป็นไม้ที่มีคุณสมบัติแข็งแรง เหนียว ทนทาน จึงเหมาะสำหรับการนำมาแปรรูปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ทำกลอนหลังคาจาก รอด ตง อกไก่ของบ้าน หรือใช้ทำไม้เสาเข็ม ไม้ค้ำยันต่างๆ ทำเสาและหลักในที่มีน้ำทะเลขึ้นถึง ทำเยื่อกระดาษ
ประโยชน์ไม้โกงกางที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการนำมาใช้ทำเป็นฟืนและถ่านเกรดคุณภาพดี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากเป็นไม้ที่ให้ความร้อนสูงและนาน (ให้ค่าความร้อนประมาณ 6,600-7,200 แคลอรี) อีกทั้งยังมีขี้เถ้าน้อยและไม่เกิดสะเก็ดไฟเมื่อนำมาใช้งานอีกด้วย
เปลือกของต้นโกงกางมีสารแทนนินและฟีนอลจากธรรมชาติสูงมาก อีกทั้งยังมีราคาถูกที่สุด ซึ่งสารดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ทำยา ทำหมึก ทำสี ใช้ในการฟอกหนัง ใช้ทำกาวสำหรับติดไม้ เป็นต้น
เปลือกมีน้ำฝาดประเภท Catechol ให้สีน้ำตาลที่สามารถนำมาย้อมสีผ้าได้ เช่น ใช้ย้อมผ้า แห อวน หนัง ฯลฯ
ป่าโกงกางมีความสำคัญอย่างมากสำหรับสัตว์ทะเลต่างๆ เนื่องจากเป็นที่วางไข่และฟักตัวอ่อน และเป็นแล่งที่มีสภาพสมดุลทางธรรมชาติสูงมาก
ป่าไม้โกงกาง สามารถช่วยป้องกันรักษาชายฝั่งทะเลจากการกัดเซาะของกระแสน้ำได้ และยังใช้เป็นแนวกำบังคลื่นลมที่เคลื่อนเข้ามาปะทะชายฝั่งได้เป็นอย่างดี


โครงงานห้องสาระสังคม บทที่ 1







โครงงานเรื่อง MANGROVE FOOD
จัดทำโดย
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
กลุ่มสาระสังคมศึกษา







บทที่  1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
                        เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ประชากรในประเทศไทยมีการทะเลาะวิวาทและแตกความสามัคคีกันมากขึ้น  นักการเมืองก็โกงกินประเทศชาติมากขึ้น ทั้งมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันมากขึ้นเรื่อยๆ  ตั้งแต่พวกนักการเมือง พนักงานราชการ แม่ค้า ครู อาจารย์ นักเรียน กรรมกรแบกหาม และประชากรในประเทศไทย  ทั้งๆที่ประเทศไทย  ขึ้นชื่อว่าเป็น “ สยามเมืองยิ้ม ”  แต่ประชากรในประเทศเริ่มจะห่างเหินจากคำว่า “ สยามเมืองยิ้ม ”  เรื่อย ๆ  พวกเราจึงอยากที่จะให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประเทศที่สงบ และเป็นประเทศที่น่าอยู่ คนไทยก็ยิ้มแย้ม มีความสามัคคีเป็นที่หนึ่ง พวกเราจึงเริ่มที่จะสร้างความสามัคคีด้วยการเริ่มต้นจากเด็กในห้องเรียนจัดทำโครงงานนี้ขึ้นมา
วัตถุประสงค์
1.เพื่อที่จะสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
2.เพื่อที่จะให้เพื่อนๆในห้องได้มาทำงานร่วมกัน จะได้มีความผูกผันกันมากขึ้น
3.เพื่อที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ของเพื่อนในห้อง









โครงงาน


โครงงาน

โครงงานเรื่อง
เว็บบล็อก


จัดทำโดย
นางสาวชญานี    เครือวัลย์      ชั้น ม.5/เลขที่ 7



เสนอ
อาจารย์  ศิริรัตน์  ปานสุวรรณ



โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง32242)
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม  จังหวัดตราด
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 17
บทคัดย่อ
เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตของพวกเราทุกคนโดยเฉพาะการสื่อสารที่เราใช้ในการติดต่อสื่อสารในการทำงาน  การเรียน หรือเพื่อนันทนาการ จากการใช้สื่อเหล่านี้มักมีปัญหาอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นสื่อสาธารณะ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นดิฉันจึงอยากจะจัดทำโครงงานเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการนำความรู้ที่ได้เรียน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดิฉันจัดทำโครงงานเล่มนี้ขึ้น เพราะต้องการให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับการทำเว็บบล็อก เลยได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้น ขอบคุณค่ะ














กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเรื่องเว็บบล็อก สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเพราะได้รับความกรุณาให้คำปรึกษาแนะนำจาก อาจารย์ ศิริรัตน์  ปานสุวรรณ ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง  และช่วยเหลือในเรื่องการตรวจสอบปรับปรุงผลงาน ก่อนนำไปเผยแพร่สู่สาธารณชน















บทที่1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
           ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก รวมถึงการศึกษาก็เช่นกัน เนื่องจากการที่เรียนการสร้างเว็บบล็อก จึงได้คิดที่จะทำโครงงานเรื่องเว็บบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการต่อยอดความรู้ที่ได้จากการเรียนและยังเป็นการนำความรู้ที่ได้จากการเรียนมาปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยเนื้อหาของบล๊อกจะเป็นการนำเสนอเรื่องต่างๆที่กำลังเป็นที่สนใจ
วัตถุประสงค์
1.            เพื่อศึกษาและสร้างเว็บบล็อก
2.            เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจและนำมาเป็นเนื้อหาในเว็บบล็อก
3.            เพื่อนำความรู้ที่ได้เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1 ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นจากการสร้างเว็บบล็อก
2.ได้นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์
3.ได้ประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น



บทที่ 2
เอกสารอ้างอิง
ขั้นตอนการสร้างบล็อก

1. ให้ทำการสมัครบัญชีของ Gmail ของ google แต่ถ้าใครมีบัญชี Gmail อยู่แล้วก็ทำการล็อกอินเพื่อสร้างบล็อก ของ
http://www.blogger.com/ ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเราเข้าไปที่เว็บ www.blogger.com หน้าเพจแรกจะถามบัญชีถึงบัญชี  Gmail ของผู้ที่จะทำการสร้างบล็อกสำหรับนักศึกษาที่มีบัญชี Gmail อยู่แล้ว ก็กรอกชื่อบัญชี Gmail และ รหัสผ่านของตน
2. เมื่อเราเข้าไปที่ 
www.blogger.com ที่ได้ทำการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ blogger
จะมีหน้าตาดังภาพ ใคลิกไปที่เมนู บล็อกใหม่  เพื่อทำการสร้างบล็อก
3. เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว ให้ทำการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรงหัวข้อ ให้พิมพ์ชื่อบล็อก ตรงที่อยู่ ให้ตั้งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลข และต้องดูตรงสถานะของบล็อกด้วยว่าชื่อ URL ที่ตั้งไปนั้นมีผู้ใช้แล้วหรือยังไม่มีผู้ใช้ มันจะแจ้งว่า ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้”  เสร็จแล้วให้ทำการเลือกรูปแบบ จากแม่แบบว่าจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู สร้างบล็อก” 
4. เมื่อทำการสร้างบล็อกแล้ว เราจะกลับมาที่หน้าจัดการบล็อกเพื่อทำการตกแต่งบล็อกให้ดูสวยงามโดยการใส่รูปภาพ
 หรือ โค๊ดต่างๆ ให้นักศึกษาทำการคลิกลูกศรสีดำ เพื่อเลือกเมนู รูปแบบ 
5. เมื่อคลิกเมนูรูปแบบ แล้วจะมีหน้าตาดังภาพให้คลิกที่ เมนู เครื่องมือออกแบบเทมเพลต เพื่อปรับแต่งหน้าเทมเพลตตามที่เราต้องการ เมื่อคลิกแล้วทำการเลือกรูปเทมเพลต ตามต้องการ เมื่อเลือกแล้วให้คลิกที่ เมนู “ใช้กับบล็อก  เพื่อบันทึกรูปแบบเทมเพลต



6. เมื่อทำการเลือกรูปแบบของเทมเพลตแล้วให้กลับมาที่ รูปแบบ  อีกครั้ง เพื่อทำการใส่หัวบล็อกและตกแต่งบล็อก
 โดยคลิกเลือกเมนู แก้ไข ตรงส่วนของ ชื่อบล็อก เมื่อคลิกเมนู แก้ไข แล้วให้คลิกที่ เมนู เลือกไฟล์” เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่จะนำมาเป็นหัวบล็อก เมื่อเลือกภาพได้แล้วกด open จากนั้นระบบจะทำการอัพโหลดภาพดังกล่าวเข้าไป เมื่อระบบอัพโหลดภาพเสร็จแล้ว ให้คลิกเลือก เมนู “แทนที่ชื่อและคำอธิบาย  เสร็จแล้วกดเมนู บันทึก เพื่อทำการบันทึกภาพดังกล่าวซึ่งจะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งหับล็อก 
7. เมื่อทำการใส่หัวบล็อกเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เมนู “เพิ่ม Gadget” เพื่อใส่โค๊ด ปฏิทิน นาฬิกา สถิติผู้เยี่ยมชม แล้วแต่ความต้องการของเรา แล้วคลิกเมนู บันทึกการจัดเรียง” 
8. เมื่อทำการใส่โค๊ดตกแต่งตามต้องการแล้ว ให้เลือกเมนู “หน้าเว็บ”   เพื่อทำการสร้างหน้าเว็บเพจต่างๆ ตามต้องการ
คลิกที่เมนู แสดงหน้าเว็บเป็น”  เลือกลูกศรสีดำ แล้วคลิกเลือกรูปแบบ “แท็บด้านบนสุด
แล้วกด “บันทึกการจัดเรียง”  เมื่อทำการเลือกตำแหน่งของแท๊บเมนูแล้ว ให้ คลิกเมนู หน้าเว็บใหม่และเลือกลูกศรสีดำ เลือกเมนู หน้าเว็บเปล่า”   เพื่อสร้างหน้าเพจต่างๆ
8. เมื่อคลิกเมนูสร้างหน้าเว็บแล้ว ให้ตั้งชื่อเว็บเพจ ตรงช่อง และพิมพ์รายละเอียดลงไป แล้วคลิกที่เมนู “บันทึก” 
9.  เมื่อทำการสร้างเมนูเว็บเพจ แล้ว ท่านสามารถที่จะทำลิงค์ไปเว็บไซต์หรือบล็อกต่างๆ โดยคลิกที่เมนู เพิ่ม “Gadget”
แล้วเลือก ฟังก์ชัน รายชื่อลิงค์แล้วคลิกเครื่องหมาย + เพื่อสร้างลิงค์ มื่อคลิกที่ฟังชันก์ รายชื่อลิงค์แล้ว ให้ทำการ พิมพ์ชื่อเมนู ว่า “ Link Exchange”   และ copy ลิงค์ ที่ต้องการเชื่อมโยงของเพื่อนมาใส่ไว้ในช่อง URL ของไซต์ใหม่  และ ตรงชื่อเว็บไซต์ให้ พิมพ์ชื่อ ของเว็บบั้นๆ ที่ต้องการทำลิงค์ เมื่อทำเสร็จ ให้คลิกที่ เมนู เพิ่มลิงค์”  เพื่อทำการเพิ่มลิงค์เว็บไซต์อื่นๆต่อไปแล้วคลิกที่เมนู บันทึก”    เมื่อเราทำการสร้างลิงค์เสร็จ เมื่อกดบันทึกจะมีหน้าตาดังภาพ ซึ่งในกรณีที่เราต้องการเพิ่มลิงค์ต่อให้คลิกที่ เครื่องมือ แก้ไขเราสามารถทำการเคลื่อนย้ายตำแหน่ง โดยการคลิกลากมาไว้ในตำแหน่งที่เราต้องการได้เราสามารถปรับเปลี่ยนความกว้างในการแสดงผลหน้าจอได้ โดยคลิกไปที่เครื่องมือ เครื่องมือออกแบบเทมเพลต แล้วเลือก “ปรับความกว้าง” 
11. เมื่อคลิกเมนูสร้างบทความใหม่แล้ว ให้นักศึกษา ทำการแทรกภาพ โดยการคลิกที่ไอคอน แทรกรูปภาพ คลิกที่เมนู เลือกไฟล์ และทำการเลือกรูปภาพ แล้ว กด open ระบบจะทำการอัพโหลดไฟล์รูปดังกล่าว เมื่ออัพโหลดเสร็จแล้ว ให้คลิกที่ เพิ่มรายการที่เลือก” เมื่อทำการเลือกภาพแล้ว ภาพดังกล่าวจะเข้ามาอยู่ในแบบร่างบทความ ดังรูป เสร็จแล้วพิมพ์รายละเอียดลงไป
แล้วคลิก เมนู เพื่อทำการ “บันทึก” บทความความ และ  เผยแพร่  บทความเมื่อกดบันทึกแล้ว จะเข้ามาสู่หน้าจอ รายการที่แสดงถึงบทความที่เราสร้างขึ้นเมื่อครู่ ถ้าหากเราต้องการ สร้างบทความเพิ่ม ให้คลิกที่ เมนูสร้าง บทความใหม่ ถ้าในบทความของเรา ต้องการเผยแพร่ผลงานวีดิโอจาก Youtube ให้เราคลิกที่ไอคอน แทรกวีดิโอ ทำการเลือกวีดิโอจาก Youtube ซึ่งถ้าในกรณีที่เรามีคลิปในบัญชียูทูบของเราอยู่แล้ว ให้คลิกเลือกเมนู วีดิโอ Youtube ของฉัน แต่ถ้าเราจะเอา คลิป Youtube จากแหล่งบัญชีอื่น ให้คลิกเมนูจาก Youtube แล้วเสริ์ชหาเอานะคะ เมื่อทำการแทรกวีดิโอจาก Youtube แล้ว วีดิโอ ดังกล่าวจะเข้ามาอยู่ในแบบร่างบทความ ดังรูป
เสร็จแล้วทำการ กดบันทึก และ คลิกไปที่ เมนู แสดงตัวอย่าง ก็จะได้ผลลัพธ์ดังภาพ















บทที่3
วิธีการเนินงานโครงงาน
 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการทำโครงงาน
1 เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก

ขั้นตอนการดำเนินงาน
1 คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
 2.ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด และต้อง
ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และบันทึกเก็บข้อมูลที่ได้ศึกษาและค้นคว้าจากเว็บไซต์หรือหนังสือต่างๆไว้เพื่อจัดทำเนื้อหาต่อไป
3 ศึกษาการสร้างเว็บบล็อกที่สร้างจากเว็บไซต์หรือหนังสือต่างๆ ที่นำเสนอเทคนิค วิธีการสร้างเว็บบล็อก 
4 จัดทำโครงร่างโครงงาน
5 นำร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ส่งให้ครูที่ปรึกษาโครงงานดูว่าใช้ได้หรือไม่
 เปิดเว็บบล็อกที่ต้องการใช้งานขึ้นมาใช้
7 ปฏิบัติการจัดทำโครงงานโดยการทำลงใน (WebBlog)ด้วย blogger.com ให้สวยงามและน่าอ่าน น่าดู







บทที่ 4
ผลการดำเนินงานโครงงาน
      การจัดทําโครงงานเว็บบล็อก (WebBlog)มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและสร้างเว็บบล็อก ค้นคว้าเรื่องที่สนใจและนำมาเป็นเนื้อหาในเว็บบล็อก โดยในเนื้อหาแรกในการทำคือประวัติส่วนตัวของตัวเองและนำเสนอประวัติของนักแสดงยอดนิยมของเกาหลี jang guen suk










 บทที่ 5
สรุปผลการดำเนินงาน และข้อเสนอแนะ
        การจัดทําโครงงานเว็บบล็อก (WebBlog) สามารถสรุปผลการดําเนินโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้
การดำเนินงานจัดทำโครงงาน
1.            สามารถศึกษาและสร้างเว็บบล็อก
2.            สามารถศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจและนำมาเป็นเนื้อหาในเว็บบล็อก
3.            สามารถนำความรู้ที่ได้เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์
สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
       การทำเว็บบล็อกผู้จัดทําได้เริ่มดําเนินงานตามขั้นตอนการดําเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 โดยสร้างบล็อกที่มีชื่อว่า “ICE AND STORY” เป็นการนำเสนอเรื่องราวต่างๆที่สนใจ
ข้อเสนอแนะทั่วไป
        เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก www.blogger.com sเป็นเว็บบล็อกสําเร็จรูปที่ใช้ทํา
เว็บไซต์ได้ง่ายและรวดเร็ว
ปัญหา อุปสรรค
1.อินเทอร์เน็ตมีปัญหา
2.เวลาในการทำค่อนข้างน้อย





บรรณานุกรม